วันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2554

บทความและหลักคำสอนต่าง จากคำเทศนาศิษยาภิบาล

     บทความดีๆจากพระคัมภีร์ และคำเทศนาของศิษยาภิบาล
เป็นสิ่งที่เราใช้ยึดเหนี่ยวจิตใจ อ่านแล้วสบายใจ และมีความมั่นใจในการใช้ชีวิต
(ขอบคุณในนามพระเยซูคริสต์ เอแมน)


1.     พอรู้จักคนเยอะก็มีความสุข ก็จะเริ่มแบ่งปันกัน เราจะมีปัญญาโดยการเข้ากับผู้อื่นเสมอ อย่าถามชื่อเขาให้บอกชื่อเรา   ที่จะรักษาตนให้พ้นการวิวาทก็เป็นเกียรติ แต่คนโง่ทุกคนจะทะเลาะวิวาทกัน คนโง่จะทะเลาะกัน พระเจ้าจะลงโทษทั้งคู่    สาเหตุการทุ่มเถียง คือ การเปรียบเทียบ มารจะเริ่มทำงาน
2.     มีคนที่รวยกว่าท่าน จนกว่าท่านเสมอ มีคนที่สุขภาพดีกว่าท่าน สุขภาพแย่กว่าท่านเสมอ
3.     ดำเนินชีวิตให้สุดความสามารถ  เราไม่ต้องการเปรียบเทียบตัวเรากับบางคน แต่เมื่อเขาเอาตัวเขาเป็นเครื่องวัดมากเปรียบเทียบกันแล้วเขาก็เป็นคนขาดความเข้าใจในชีวิต เพราะชีวิตไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเปรียบเทียบ
4.     เราไม่ตำหนิ เพราะเป็นปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ของเรา และสาเหตุทะเลาะวิวาทกันมาจากเรื่องเล็กๆน้อยๆ
5.     เวลาเราจะเตือนหรือตำหนินั้น เราจะต้องพูดเหมือนกับสงสัย
6.     เพราะถ้าเราตำหนิ เหมือนกันเอาตัวเรากับตัวเขามาสู้กัน แต่ถ้าเราตำหนิเขา เราจะพูดเหมือนเราเป็นตัวแทนพระเจ้า เหมือนเรารับคำสั่งมาให้แนะนำเขา
7.     คนโกรธช้าก็มีความเข้าใจมาก บุคคลที่โมโหเร็วก็ยกย่องความโง่
8.     คนโกรธช้าดีกว่าคนฉลาด คนโกรธช้าดีกว่าคนมีสติปัญญา
9.     คนคุมอารมณ์ได้ดีก็คุมได้ดีก็คุมอย่างอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
10.  ที่เราไม่ได้รับโครงการทำงานบางอย่างไม่ใช่เราไม่มีความสามารถ ไม่ใช่เราไม่จริงใจ แต่เป็นไปได้ว่าเราขาดเสถียรภาพทางอารมณ์
11.  คนอารมณ์ที่ดีสามารถติดต่อคนฉลาดได้ แต่คนฉลาดแต่อารมณ์ร้ายก็บางครั้งไม่สามารถติดต่อกับใครได้
12.  ถึง ไอคิวจะสร้างอีคิวไม่ได้ แต่อีคิวสามารถสร้างไอคิวได้
13.  คนมีอารมณ์ร้ายก็ต้องทำงานอยู่คนเดียว  ถ้าฉลาดจะไม่ยอมเสียเหงื่อให้กับเรื่องจิ๊บจ๊อย
14.  เคล็ดลับของปัญญาคือการมองข้ามไปบ้าง   การมีปัญญาคือการรักสันติไม่ไปหาเรื่องใส่ตัว
15.  ให้ความสำคัญกับความรู้สึกของผู้อื่น และเขาจะให้ความสำคัญกับเรา
16.  ปัญญาจากเบื้องบนนั้น ประกอบด้วยเมตตา และผลที่ดี  เราต้องเข้าใจจิตใจคนอื่นไม่ใช่ให้คนอื่นมาเข้าใจจิตใจเรา การมีปัญญาคือการเอาใจเขามาใส่ใจเรา สุภาพ ใส่ใจ
17.  ลิ้นนั้นต้องทำให้เชื่องโดยการฝึกให้เต็มที   ลิ้นสามารถพาลงนรกได้ จงพูดในสิ่งที่เราเชื่อมั่น มั่นใจอยู่เสมอ
18.  พระเจ้าประทานสันติสุขให้กับเรา ลูกจะไม่วิตกและไม่กลัว  กล่าวพระคัมภีร์ไปซ้ำๆจนกว่าใจเราจะหนักแน่น
19.  ข้าพเจ้าสามารถผจญทุกอย่างได้ ข้าพเจ้าทำได้ อธิษฐานเผื่อคนที่ทำไม่ดีกับเรา
20.  ไม่พูดเกี่ยวกับปัญหาอีกต่อไป อย่ากล่าวปัญหาเรื่องอดีต กล่าวเรื่องเดิมๆซ้ำ ว่าเราเจออำไรมาบ้าง คนๆนั้นทำอะไรกับเรามาบ้าง มันไม่ก่อให้เกิดผลดี มีแต่จะทำให้เราจมลงไปเรื่อยๆ มีอุปสรรคขวางทางอย่าไปสนใจ ถ้ามีจุดหมายปลายทางก็อย่าหยุดดูมัน เสียเวลา เพราะพระองค์เตรียมอะไรหลายอย่างให้แก่เรา
21.  นอกจากเราจะไม่พูดถึงปัญหาแล้วเราจะให้อภัย เราอย่าเสียเวลากับเรื่องเหล่านั้นเลย ไม่พูดถึงปัญหาแล้ว
22.  ให้พูดแต่สิ่งที่มันน่ารัก
23.  น้ำไหนที่ขังไม่ไหลเวียนเอาของใหม่ๆ มันจะเน่า ขับไล่สิ่งไม่ดีแล้วต้องเติม   เปลี่ยนความคิดไปด้านอื่นเลย
24.  กังวลในแง่บวก คือคิดถึงใตร่ตรอง ใคร่ครวญกับพระวจนะ  จงวางใจจงทำความดี อาศัยอยู่ในบ้านอย่างความชื่นบานและปลอดภัย และพระองค์จะประทานทุกอย่างตามความปรารถนาของท่าน
25.  เราจะรู้ว่าพระองค์จะเตรียมอะไรให้กับเรา เราจะวางใจมากขึ้น
26.  พระองค์ทรงเป็นกำลัง และบทเพลงของข้าพเจ้า
27.  เราควรกล่าวสิ่งที่พระเจ้าประทานอะไรมาให้เรา เพื่อความเชื่อมั่นอยู่เสมอ กล่าวซ้ำไปเรื่อยๆ
28.  นั่งกล่าวสนทนาพูดคุยกับพระองค์ พระองค์ต้องการให้เราเป็นหัวไม่ใช่หาง
29.  แวดล้อมตัวเองเอาไว้ให้มีแต่คนที่ให้กำลังใจอยู่เสมอ ต้องเลือกที่จะสนิทกับคนที่ให้กำลังใจ อย่าคบคนที่คอยแหย่เราแรงๆ เลือกคบกับคนที่หนุนใจเราขึ้นมา และเราก็ต้องเป็นเช่นนั้นกับคนอื่นเหมือนกัน
30.  กล่าวความเชื่อ อย่าพูดถึงปัญหา เลือกที่จะให้ถ้อยคำของเราหนุนจิตชูใจคนอื่น ให้คนเหล่านั้นแวดล้อมเราอยู่เสมอ   พระองค์บอกให้เรามุ่งมั่นที่จะก้าวสูงขึ้น ลืมทุกสิ่งที่อยู่เบื้องหลังแล้วก้าวสูงขึ้น
31.  ลืมข้างหลังเสีย แล้วโน้มตัวไปข้างหน้า โน้มตัวให้ถึงเส้นชัย บุคคลที่จะแข่งด้วยคือตัวเราเองเท่านั้น
32.  พระเจ้าประทานเงินให้ เพื่อให้เรามอบแก่คนอื่นด้วย เพราะพระองค์มีช่องทางผ่านทางเรา
33.  เราให้ออกไปมาก พระองค์จะเพิ่มเติมให้เรามากกว่าหลายเท่า ให้ตัวเองกระตุ้นตัวเองขึ้นมา อย่าพึงคนอื่น
34.  คิดแต่เรื่องน่ารัก เติมเต็มตัวเองด้วยพระองค์ พระองค์ให้เราเป็นหัวไม่ใช่หาง
35.  มีปากที่จะกล่าวถ้อยคำให้ชีวิต มีหูที่พร้อมจะรับ มีใจที่เป็นดินดีแล้ว เหลือแต่จะให้ชีวิตออกผลแค่ไหน เราพร้อมแล้ว ที่จะเจ็บบ้างให้เขาได้รับจากเราไปเพื่อเค้าได้รับพระพร ข้าพองค์เทิดทูนพระเจ้า ในนามพระเยซู
36.  ฉันเป็นตัวของตัวเองเสมอ ไม่พยายามจะเหมือนใครๆ เหมือนการไปเลียนแบเขา และไม่อยากให้ใครๆเป็นเหมือนเรา เพราะนั่นจะกลายเป็นการคิดมากว่าเราดี ฉันจึงเป็นตัวของตัวเองเสมอ เปิดกว้างเสมอ
37.  การพยายามทำให้คนอื่นพอใจก็เกิดความทุกข์ได้ ฉันจะไม่พยายามให้ใครต้องมาพอใจเพราะฉัน เพราะไม่มีในพระคัมภีร์ พระคัมภีร์จึงบอกว่า คนที่เป็นสุขนั้นจะไม่พยายามทำให้คนอื่นพอใจหรือ กลัวการถูกตำหนิ หรือถูกว่า แต่จะมีวิถีชีวิตที่ถูกต้องที่สุด พระคัมภีร์บอกว่า หากเราเราทำในสิ่งที่ถูกต้องจะต้องเจอคำดูถูกตำหนิ หากเราผ่านจุดนี้ไป เราจะได้เจอความสุขอีกแบบนึง หรือได้เจอเหรียญอีกด้านนึง ดังนั้นเมื่อเราเชื่อพระเจ้า เราจะไม่กลัวเรื่องการ ตำหนิ ดูถูกเลย เราไม่จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงการดูถูก เราจะไม่กลัวถูกดูถูก นั่นเป็นเรื่องเล็ก เพราะเราไม่ได้ทำให้คนถูกดูถูก แต่เราทำในสิ่งที่ถูกต้องที่ควรจะทำ
38.  แต่ยังไงก็ตามไม่ว่าจะยังไงก็ตามวันนึงเราจะถูกตำหนิติเตียนแน่นอน จงเตรียมตัว อย่าหลีกเลี่ยง แต่อย่าสนใจ
39.  วางตัวถูกต้องกับบุคคลทั้งปวง  ใครว่าเรา เราชมกลับ จะยกสูงทั้งคู่ ไม่กดกัน
40.  เมื่อมีคนกดเรา พระคัมภีร์สั่งให้เรา ยกโทษ ให้อภัย และอธิษฐานเผื่อเขา รวมเป็น รักศัตรู
41.  การร่าเริงเหนือสถานการณ์  ให้over action ไปเลย
42.  เมื่อไหรเราแตกต่างแล้วเราจะโดดเด่น ไม่เหมือนใคร ยิ่งดี
43.  ดีใจ ร่าเริง คิดบวก เมื่อมีใครมากดเราข่มเหงเราเราก็ดีใจ แปลเป็นอีกแบบนึง เพราะว่านั่นแสดงว่าพระเจ้าอยู่กับเรา ถ้าเราอยู่กับพระเจ้า มารจะถูกattact ทันที
44.  ถ้าไม่ถูกข่มเหงเลยก็จะไม่สมบูรณ์แบบเลย ไม่ท้าทาย
45.  เปลี่ยนใจใหม่ เปลี่ยนวิธีคิดใหม่ เราเป็นที่ยอมรับเสมอ  พระเจ้ายอมรับเราขณะเรายังบาป เพื่อรักษาเรา  พระเจ้ายอมรับเราอยู่แล้ว เราไม่จำเป็นต้องทำให้ใครมายอมรับเรา พระเจ้ายอมรับเราแม้เราร้องไห้โดยไม่มีเหตุผล
46.  แม้เราถูกหักแม้เราถูกปฏิเสธ แต่ก็ยังมีพระบิดาของเราที่ยอมรับเรา
47.  สิ่งนี้จะมีค่าหรือไม่อยู่ที่ว่าใครเป็นเจ้าของมันอยู่ พระเจ้าทรงเป็นเจ้าของ ใครจะมาแตะเราไม่ได้ และพระเจ้าก็ยอมจ่ายให้เรา  เราจึงมีค่าเสื้อราคาเท่ากัน แต่มันมีค่าเพราะมันเป็นของคนดัง
48.  คนจะล้มอยู่ในบาปถ้าเห็นตนเป็นคนเล็กน้อยสกปรกมอมแมม ก็จะทำบาปไมเรื่อย คิดโน่นคิดนี่ เอาเงินไปใช้ผิดประเภท เพราะเราลืมมูลค่าของเรา
49.  ปัญหาใหญ่ๆคือ ปัญหาเล็กๆที่เราปล่อยทิ้งไว้นานๆ เหมือนน้ำหยดหรือน้ำรั่วซืม
50.  เราเป็นที่ยอมรับ ฉันมีคุณค่า ฉันได้รับการอภัยเสมอ ฉันมีความสามารถเผชิญกับความล้มเหลวได้
51.  เลือกเอาว่าจะให้พระเจ้าจัดการเค้าคนเดียวหรือจัดการเราด้วย ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องจัดการตัวเอง
52.  ถ้าเราเป็นคนชอบโกรธมันก็ทำร้ายแต่เราเท่านั้นแหละ
53.  เราจะอยู่แบบสันติเสมอ เราจะไม่มีปัญหากับใคร
54.  เราวางแผนชีวิต  เริ่มต้นเคลียร์ปัญหา ทีละเรื่อง เรื่องต่อเรื่อง
55.  เริ่มต้นชีวิตใหม่โดยการไม่มีปัญหากับใครซักคนเดียวในโลกนี้ เค้าจะดีไม่ดีไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้เราแย่ไปด้วยเราก็เป็นของเรา เค้าอยู่ของเค้าแต่เราพยายามดูแล พระเจ้าสอนเราให้ฉลาดด้วยซ้ำไป
56.  จงอธิษฐานด้วยความเชื่อมั่น มั่นใจแรงกล้า  เขาจะหายจากโรค ให้ชีวิตที่เหลืออยู่นี้มีแต่ความสุขความสำเร็จในนามของพระเยซูคริสต์
57.  สถานการณ์ที่ควรเข้าเฝ้าเพื่ออธิษฐานต่อพระเจ้า  1 คื อเมื่อมีความทุกข์ในจิตใจ ภาวะกดดัน เกิดกว่าจะทนได้ อึดอัด งานไม่มั่นคง ภาวะสูญเสีย คนรักสูญเสีย  เจ็บป่วยทางจิตใจ ความสัมพันธ์จึงสามารถมีกับพระเจ้าได้  2 เมื่อเรามีความเจ็บป่วยร่างกาย อย่างรุนแรง
58.  การเจ็บป่วยถ้าเราไม่ทำผิด พิจารณาตัวเองก็คงไม่ถูกทำโทษ
59.  ต้องต่อสู้กับความต้องการของตัวเองให้ได้
60.  ทำไมเราเป็นแบบนี้ เพราะเราทำแบบโน๊นมา หว่านอะไรเก็บเกี่ยวอย่างนั้น
61.  คนโกงก็จะถูกโกง วันยังค่ำ ถ้าเราใจกว้างกับทุกคนเราจะได้รับการดูแล
62.  ของฟรีมีสิ่งที่น่ากลัวอยู่เบื้องหลัง ดังนั้นหากเราได้อะไรมา เราต้องหว่านไป ของเหล่านั้นจะได้อย่างแน่นอน เพราะเอาจากคนอื่นเขาก็กว่าจะได้มาก็แทบตาย
63.  สิ่งที่ทำให้เราร่ำรวยได้ เพราะเราขยันขันแข็งและได้มาด้วยความซื่อสัตย์
64.  เราไม่ใช่คนเกียจคร้าน เพราะคนเกียจคร้าน ชอบขโมย ไม่ว่าจะล่อลวงอะไรก็แล้วแต่เราจึงไม่เกียจคร้านเพื่อตัดวงจรขโมยออกจากชีวิตของเรา
65.  มีหนทางรวยแบบทุจริตเยอะแยะ ไปแต่จะมีประโยชน์อะไรถ้าเรารวยสักร้อยล้านแต่อยู่ได้สิบปีแล้วไม่ได้อยู่กับพระเจ้า มีความรวยแต่ซื่อสัตย์สุจริต ตายไปก็ได้ไปอยู่กับพระเจ้าดีกว่าเสียอีก
66.  เราไม่เผลอรับปากใครในสิ่งที่ทำไม่ได้มารเป็นพ่อแห่งการมุสา คือรับปากแล้วทำไม่ได้ และเป็นพ่อแห่งการขโมย เราจึงไม่เป็นพวกของมาร    ตอนจบ คนซื่อสัตย์จะมีความมั่นคงกว่า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น